ประเทศตุรกีถือเป็นจุดหมายปลายทางที่มีความหลากหลายในทุกมิติ ทั้งประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ และธรรมชาติที่งดงามจนเกินบรรยาย หากคุณกำลังวางแผนจะ เที่ยวตุรกีปีนี้ และกำลังมองหา สถานที่เที่ยวในตุรกี ที่น่าสนใจ นี่คือ 10 สถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด เพราะแต่ละที่มีความพิเศษที่แตกต่างกันและพร้อมมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน
1. อิสตันบูล (Istanbul) (เที่ยวตุรกีปีนี้)
อิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในตุรกี และเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่บนสองทวีปคือยุโรปและเอเชีย เมืองนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างยุคโบราณและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ทำให้อิสตันบูลเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือน
ไฮไลต์ของการเที่ยวอิสตันบูล
• สุเหร่าสีฟ้า (Blue Mosque): สถาปัตยกรรมอิสลามที่งดงามด้วยกระเบื้องโมเสกสีฟ้า
• โบสถ์ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia): อดีตโบสถ์ วิหาร และสุเหร่าที่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสัญลักษณ์แห่งความหลากหลายทางศาสนา
• พระราชวังทอปกาปิ (Topkapi Palace): พระราชวังของจักรวรรดิออตโตมันที่เต็มไปด้วยความหรูหราและสมบัติล้ำค่า
• ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar): ตลาดเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยสินค้าหัตถกรรม ผ้าพันคอ และของฝาก
กิจกรรมที่น่าสนใจ
1. ล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus): สัมผัสวิวเมืองสองทวีปและสะพานที่เชื่อมยุโรปกับเอเชีย
2. เดินเล่นที่ถนนอิสติกลัล (Istiklal Street): แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และคาเฟ่ยอดนิยม
3. เยี่ยมชมย่านบาลัต (Balat): ย่านเก่าแก่ที่มีบ้านสีสันสดใสและบรรยากาศสุดคลาสสิก
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเที่ยวอิสตันบูล
• ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-มิถุนายน) และ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน): อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส


2. คัปปาโดเกีย (Cappadocia)
เที่ยวคัปปาโดเกีย (Cappadocia): ดินแดนแห่งหินภูเขาไฟและบอลลูนหลากสี
คัปปาโดเกีย (Cappadocia) ตั้งอยู่ในภูมิภาคอานาโตเลียตอนกลางของตุรกี เป็นจุดหมายปลายทางที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยภูมิทัศน์หินภูเขาไฟรูปร่างแปลกตา ถ้ำโบราณ และกิจกรรมบอลลูนลมร้อนที่โด่งดังระดับโลก
ไฮไลต์ของคัปปาโดเกีย
• หินรูปทรงประหลาด (Fairy Chimneys): เสาหินที่เกิดจากการกัดเซาะของลมและน้ำ
• เมืองใต้ดิน (Underground Cities): เมืองโบราณที่สร้างขึ้นใต้ดินเพื่อหลบภัย เช่น เมืองเดอรินกูยู (Derinkuyu)
• พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Göreme Open-Air Museum): โบสถ์และหอคอยในถ้ำที่มีภาพวาดเฟรสโกโบราณ
กิจกรรมที่น่าสนใจ
1. ขึ้นบอลลูนลมร้อนชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทุ่งหิน
2. พักในโรงแรมถ้ำเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
3. สำรวจเส้นทางเดินป่าท่ามกลางหุบเขา เช่น หุบเขาแดง (Red Valley)
คำแนะนำ: ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวคือเดือนเมษายน-ตุลาคม


3. ปามุกคาเล่ (Pamukkale)
เที่ยวปามุกคาเล่ (Pamukkale): ดินแดนปุยฝ้ายมหัศจรรย์แห่งตุรกี
ปามุกคาเล่ (Pamukkale) หรือที่รู้จักในชื่อ “ปราสาทปุยฝ้าย” ตั้งอยู่ในจังหวัดเดนิซลี (Denizli) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี สถานที่แห่งนี้โดดเด่นด้วยบ่อน้ำแร่สีขาวนวลที่เรียงกันเป็นชั้นเหมือนน้ำตกแข็งตัว เกิดจากการทับถมของแร่แคลเซียมคาร์บอเนตตลอดเวลาหลายพันปี จนกลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงามราวกับอยู่ในเทพนิยาย
ไฮไลต์ของปามุกคาเล่
• บ่อน้ำแร่ปุยฝ้าย: ชั้นน้ำตกสีขาวที่เต็มไปด้วยน้ำแร่ธรรมชาติซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการบำรุงผิว
• เมืองโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis): ซากโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนยอดเขาปามุกคาเล่ เป็นเมืองสปาโบราณของชาวโรมัน
• โรงละครโรมัน (Roman Theatre): โรงละครโบราณที่มีการอนุรักษ์ไว้อย่างดีและสามารถมองเห็นวิวของปามุกคาเล่ได้
คำแนะนำ: สวมรองเท้าที่เหมาะสมเพราะจะต้องเดินลุยน้ำในบางจุด


4. เมืองโบราณเอเปซัส (Ephesus)
เอฟิซุสเป็นหนึ่งใน สถานที่เที่ยวในตุรกี ที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์โบราณ
เที่ยวเมืองโบราณเอเฟซัส (Ephesus): มรดกโลกแห่งอารยธรรมกรีก-โรมัน
เมืองโบราณเอเฟซัส (Ephesus) ตั้งอยู่ในจังหวัดอิซเมียร์ (Izmir) ทางตะวันตกของตุรกี เป็นหนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่สุดในโลก โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบกรีก-โรมันที่ยังคงงดงามและทรงคุณค่า เมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้าและวัฒนธรรมที่รุ่งเรืองในอดีต
ไฮไลต์ของการเที่ยวเมืองเอเฟซัส
• หอสมุดเซลซุส (Library of Celsus): สัญลักษณ์ของเมืองที่งดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
• โรงละครใหญ่ (Great Theatre): โรงละครโรมันโบราณที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 25,000 คน
• วิหารอาร์เทมิส (Temple of Artemis): หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ
คำแนะนำ: ใช้เวลาเดินสำรวจทั้งวันเพื่อซึมซับความงดงามของประวัติศาสตร์


5. บอดรัม (Bodrum)
เที่ยวบอดรัม (Bodrum) ตั้งอยู่ในจังหวัดมูลา (Muğla) บนชายฝั่งทะเลอีเจียนของตุรกี เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ผสมผสานระหว่างความงามของธรรมชาติ ประวัติศาสตร์โบราณ และบรรยากาศสุดหรูสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เมืองนี้เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งพักผ่อนยอดนิยมทั้งสำหรับคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ไฮไลต์ของการเที่ยวบอดรัม
• ปราสาทบอดรัม (Bodrum Castle): ป้อมปราการยุคกลางที่สร้างขึ้นโดย Knights of St. John ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีใต้น้ำ
• ทะเลและชายหาด: เพลิดเพลินกับน้ำทะเลสีฟ้าใสและชายหาดสวย เช่น Gumbet Beach และ Bitez Beach
• ท่าเรือและตลาดกลางคืน: สัมผัสบรรยากาศเมืองท่าเรือ ช้อปปิ้งของที่ระลึก และลิ้มรสอาหารทะเลสดใหม่
• มารีน่าและชายหาด: สถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและกิจกรรมทางน้ำ
เคล็ดลับ: ช่วงฤดูร้อนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสนุกกับกิจกรรมริมทะเล


6. เมืองโบราณทรอย (Troy)
เมืองโบราณทรอย (Troy) หรือ Truva ในภาษาตุรกี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่โด่งดังจาก ตำนานสงครามกรุงทรอย ตามมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์ ตั้งอยู่ในจังหวัดชานักคาเล (Çanakkale) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกี เมืองนี้เป็นศูนย์กลางอารยธรรมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 4,000 ปี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปี 1998
ไฮไลต์ของการเที่ยวเมืองทรอย
• ม้าไม้ทรอยจำลอง (Trojan Horse): สัญลักษณ์ของสงครามกรุงทรอยที่ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณทางเข้า
• ซากปรักหักพังโบราณ: สำรวจโครงสร้างกำแพงเมืองและอาคารที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของทรอยในอดีต
• พิพิธภัณฑ์ทรอย (Troy Museum): จัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบจากเมืองทรอย พร้อมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์


7. ทะเลสาบแวน (Lake Van)
ที่ยว Lake Van: ทะเลสาบน้ำเค็มใหญ่ที่สุดในตุรกี
ไฮไลต์ของ Lake Van
• เกาะอัคดามาร์ (Akdamar Island): เกาะเล็ก ๆ ใจกลางทะเลสาบที่มีโบสถ์โบราณ Akdamar Church ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมอาร์เมเนียที่งดงาม
• ทัศนียภาพรอบทะเลสาบ: จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลสาบกว้างไกลตัดกับภูเขาไฟ Nemrut และภูเขา Suphan
• วัฒนธรรมท้องถิ่น: สำรวจหมู่บ้านรอบทะเลสาบ และลิ้มรสปลาพื้นเมือง “İnci Kefali” ที่มีเฉพาะใน Lake Van


8. ภูเขาเนมรุต (Mount Nemrut)
เที่ยว Mount Nemrut: ยอดเขามหัศจรรย์แห่งอารยธรรมโบราณในตุรกี
Mount Nemrut หรือ เนมรุตดา (Nemrut Dağı) เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและมีเอกลักษณ์ที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่ในจังหวัดอัดยามัน (Adıyaman) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ยอดเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์และรูปสลักขนาดมหึมาที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรมและโบราณคดี
สถานที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี 1987 เนื่องจากมีคุณค่าเชิงประวัติศาสตร์และเป็นตัวแทนของการผสมผสานระหว่างอารยธรรมกรีก โรมัน และเปอร์เซีย
ไฮไลต์ของ Mount Nemrut
อนุสาวรีย์เทพเจ้าขนาดมหึมา
จุดเด่นของ Mount Nemrut คือรูปสลักขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากหินทรายซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา รูปสลักเหล่านี้มีขนาดสูงประมาณ 8-9 เมตร ประกอบด้วย
• เทพเจ้ากรีก-เปอร์เซีย เช่น Zeus, Apollo, และ Hercules
• กษัตริย์ Antiochus I
• สิงโตและอินทรี ที่เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและการปกป้อง
อนุสาวรีย์เหล่านี้ตั้งอยู่ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของเนินเขา
พีระมิดหิน (Tumulus)
บนยอดเขามีเนินหินรูปพีระมิดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์ Antiochus I แต่ปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบห้องฝังพระศพใต้พีระมิด
ทิวทัศน์พระอาทิตย์ขึ้นและตกที่งดงาม
Mount Nemrut เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก ด้วยตำแหน่งที่ตั้งบนยอดเขาสูง ทิวทัศน์ของพระอาทิตย์ที่สาดแสงลงมาบนรูปสลักเทพเจ้านั้นงดงามอย่างเหลือเชื่อ


9. เมืองคาซ (Kas Turkey)
ทำความรู้จักกับ Kas
Kas เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีประชากรไม่มาก ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล จึงทำให้มีทัศนียภาพที่สวยงามและอากาศที่บริสุทธิ์ เมืองนี้มีเสน่ห์ที่โดดเด่นคือความเงียบสงบและความเป็นกันเองของผู้คนในท้องถิ่น
ในอดีต Kas เป็นเมืองท่าที่สำคัญในยุคโบราณ มีชื่อว่า Antiphellos โดยเมืองนี้เป็นศูนย์กลางของการค้าขายและเป็นที่ตั้งของอารยธรรมลิเชียน (Lycian)
สถานที่เที่ยวใน Kas ที่คุณต้องไปเยือน
เมืองเก่า Kas (Kas Old Town)
เมืองเก่า Kas เป็นหัวใจของเมืองนี้ คุณจะพบกับตรอกซอยเล็ก ๆ ที่ปูด้วยหิน บ้านเรือนสไตล์ตุรกีที่ประดับด้วยดอกไม้หลากสีสัน และร้านค้าที่ขายของพื้นเมือง เช่น เครื่องประดับเงิน งานฝีมือ และเสื้อผ้าทอมือ
สุสานลิเชียน (Lycian Rock Tombs)
สุสานโบราณที่แกะสลักไว้บนหน้าผา เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ของชาวลิเชียน สุสานเหล่านี้มีอายุกว่าพันปีและตั้งอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นวิวทะเล
เกาะเมอิส (Meis Island)
เกาะเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ห่างจาก Kas เพียงไม่กี่กิโลเมตร เกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศกรีซ แต่คุณสามารถนั่งเรือจาก Kas ไปเที่ยวแบบไปเช้า-เย็นกลับได้ เกาะเมอิสมีบ้านเรือนสีพาสเทลที่น่ารัก และน้ำทะเลใสจนมองเห็นพื้นเบื้องล่าง
ชายหาด Kaputas (Kaputaş Beach)
ชายหาดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในตุรกี น้ำทะเลที่นี่เป็นสีฟ้าครามและใสมาก เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและพักผ่อน
เมืองโบราณ Patara
เมืองโบราณที่อยู่ใกล้กับ Kas เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของอารยธรรมลิเชียน ไฮไลต์ของที่นี่คือโรงละครโรมันและหาดทรายยาวที่สวยงาม


10.อันทาเลีย (Antalya)
Antalya (อันตัลยา) เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนใต้ของประเทศตุรกี เมืองนี้ถูกขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน” ด้วยทัศนียภาพของทะเลสีครามสดใส ชายหาดที่งดงาม และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าทึ่ง อันตัลยา เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นสายชิลล์ สายลุย หรือสายประวัติศาสตร์
Kaleiçi หรือเมืองเก่า เป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับการสำรวจอันตัลยา เมืองนี้เต็มไปด้วยถนนเล็กๆ ที่ปูด้วยหิน ร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านเรือนเก่าแก่สไตล์ออตโตมัน ไฮไลต์ที่น่าสนใจได้แก่:
• ประตูเฮเดรียน (Hadrian’s Gate): ประตูโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยโรมัน
• หอคอย Hıdırlık: จุดชมวิวที่มองเห็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
• มัสยิด Yivli Minare: มัสยิดที่มีหอคอยรูปร่างโดดเด่น


เที่ยวตุรกีปีนี้: สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งดินแดนสองทวีป
ปีนี้ถ้าคุณกำลังมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลายและน่าตื่นตาตื่นใจ ตุรกี คือจุดหมายที่ไม่ควรพลาด! ประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างทวีปยุโรปและเอเชียนี้มีครบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่งดงาม ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน อาหารแสนอร่อย และวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล
เหตุผลที่ควรเที่ยวตุรกีในปีนี้
1. ราคาประหยัดกว่าที่คิด: ตุรกีเป็นประเทศที่คุ้มค่ามากสำหรับนักท่องเที่ยว คุณสามารถเพลิดเพลินกับที่พักดีๆ อาหารรสเลิศ และการเดินทางสะดวกสบายในราคาที่สมเหตุสมผล
3. วัฒนธรรมที่หลากหลาย: การผสมผสานระหว่างยุโรปและเอเชียทำให้ตุรกีมีเอกลักษณ์ทั้งด้านสถาปัตยกรรม อาหาร และประเพณี
ไม่ควรเดินทางก่อนศึกษารายละเอียด